ปวดโรคเกาต์ อย่าซื้อยาเอง

เพราะคนป่วยโรคเกาต์ควรจะรับการดูแลและรักษาจากหมอ แม้ซื้อยากินเองบางทีอาจเป็นผลข้างๆหรือมีโรคแทรก กระทั่งทำให้เกิดการตายได้ แพทย์หญิงปุษกร ศิลปินชนชั้นกุล อายุรเวชโรคข้อรวมทั้งรูมาติเตียนซึม โรงหมอเวชจังหวัด บอกว่า โรคเกาต์ (Gout) เป็นโรคข้ออักเสบที่เกิดขึ้นมาจากระดับกรดยูริกในเลือดสูงมาเป็นระยะเวลานาน

กระทั่งมีการนอนก้นสะสมเป็นผลึกเกลือยูเรตตามเยื่อรอบๆต่างๆโดยยิ่งไปกว่านั้นในข้อรวมทั้งรอบๆรอบข้อ เมื่อมีสาเหตุอะไรบางอย่างมากมายระตุ้นจะก่อให้ข้ออักเสบฉับพลันร้ายแรง ซึ่งต้นเหตุสําคัญที่ทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงมาจากพันธุกรรม อายุที่มากขึ้นและก็ไตปฏิบัติงาน

น้อยลง หรือมีต้นเหตุที่เกิดจากการใช้ยาบางประเภทรวมทั้งดื่มแอลกอฮอล์เยอะเกินไป ด้วยเหตุผลดังกล่าวการกินอาหารที่มีกรดยูริกสูง อย่างเช่น ยอดผัก สัตว์ปีก เนื้อแดง เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล ก็เลยไม่ใช่ต้นเหตุโดยตรง แต่ว่าเป็นเหตุกระตุ้นให้โรคเกาต์กําเริบหรือกำเนิดข้ออักเสบได้

ลักษณะของ โรคเกาต์ จะแบ่งได้ 2 ระยะ เป็น

1. ระยะข้ออักเสบกำเริบเสิบสานรุนแรง ผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะปวดข้อร่วมกับข้ออักเสบอย่างหนักรอบๆนิ้วเท้า ข้างหลังเท้า ข้อเท้า หรือข้อหัวเข่า มักกำเริบเสิบสานจากการทานอาหารที่มียูริกสูง อย่างเช่น อาหารทะเล เครื่องในสัตว์ ยอดผักบางจำพวก รวมทั้งการดื่มแอลกอฮอล์หรือถูกชนที่รอบๆข้อ ซึ่งจะมีลักษณะราว 3 – 7 วัน และก็หายไปเอง แต่ว่าถ้าเกิดกินยาวัวลชิซีน (Colchicine)

หรือยาในกรุ๊ปต้านทานการอักเสบจำพวกที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ดังเช่นว่า ไอบูโรเฟน (Ibuprofen) ไดวัวลฟีแนค (Diclofenac) อินโดเมทาสิน (Indomethacin) ฯลฯ อาการจะดียิ่งขึ้นอย่างเร็ว หรือไม่ก็หา ยาเก๊าท์ร้านขายยา ในช่วงแรกอาการข้ออับเสบแต่ละครั้งจะกำเนิดห่างกันค่อนข้างจะนาน แม้ไมได้รับการดูแลรักษาที่ถูกอาการจะกำเริบเสิบสานถี่ขึ้นรวมทั้งปริมาณข้อที่อักเสบจะมากยิ่งขึ้น

2. ระยะมีปุ่มก้อนโทฟัส (Chronic Tophaceous Gout) คนไข้ที่ยังไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกจะมีผลึกยูเรตสะสมมากยิ่งขึ้นจนกระทั่งกำเนิดเป็นปุ่มก้อนโทฟัส โดยมีลักษณะเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง ผิวตะปุ่มตะป่ำบริเวณรอบๆข้อ ตำแหน่งที่พบได้มากเป็นใบหู ศอก ตาตุ่ม เอ็นร้อยหวาย นิ้วมือและก็นิ้วเท้า ผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะอาการข้ออักเสบต่อเนื่องกันจนถึงเสมือนเป็นข้ออักเสบเรื้อรัง ในบางรายที่เป็นมากจะมีข้อทุพพลภาพผิดรูปผิดร่างร่วมด้วยซึ่งเป็นระยะด้านหลังของโรค การโต้ตอบต่อยา NSAIDs หรือโคลชิซีนน้อยลง รวมทั้งมีลักษณะอาการปวดแทบตลอดระยะเวลา แพทย์หญิงบุษกรกล่าว

สำหรับเพื่อการรักษาโรคโรคเกาต์ หมอจะใช้ยารักษาอาการข้ออักเสบรวมทั้งลดระดับยูริกในเลือดให้ต่ำยิ่งกว่า 5 – 6 มก./ดล. ซึ่งจะช่วยลดช่องทางกำเนิดข้ออักเสบกำเริบเสิบสานซ้ำ ปุ่มและก็ก้อนโทฟัสจะเบาๆมีขนาดเล็กลง คนเจ็บแทบทุกรายที่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกทางจะไม่มีลักษณะของการปวดข้ออีก แม้กระนั้นคนเจ็บโรคเกาต์หลายชิ้นมักเลือกที่จะซื้อยากินเองทำให้การดูแลและรักษาผิดแนวทาง ก็เลยยังมีลักษณะกำเริบเสิบสานอยู่เรื่อยรวมทั้งได้โอกาสเป็นผลใกล้กันจากการใช้

ยา ได้แก่ กระเพาะเป็นแผลหรือทะลุ เลือดไหลในทางเดินของกิน ตับอักเสบ ไตวาย รวมทั้งการแพ้ยาที่บางทีอาจร้ายแรงถึงกับตายได้ ด้วยเหตุดังกล่าวการใช้ยารักษาโรคโรคเกาต์จะต้องอยู่ภายใต้ข้อเสนอแนะแล้วก็การดูแลของหมอ เพื่อคนไข้ได้รับการดูแลและรักษาที่ถูก รวมทั้งลดการเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการใช้ยา รวมถึงคนไข้ควรได้รับการตรวจค้นโรคร่วมต่างๆที่บางทีอาจหลบซ่อนอยู่เพื่อการดูแลและรักษาที่สมควรถัดไป